การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินการของหน่วยงานฯ

ITA
วัตถุประสงค์ของการประเมิน ITA
  1. เพื่อให้หน่วยงานที่ได้รับการประเมินทราบถึงระดับคุณธรรมและความโปร่งใสเป็นประจำทุกปี
  2. เพื่อให้หน่วยงานเกิดความตระหนักและนำกรอบการประเมินที่กำหนด ไปพัฒนาระบบงาน ออกแบบกลไกและวางหลักการบริหารราชการที่ดี เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร จัดทำมาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใส ป้องกันและปราบปรามการทุจริต และนำสู่การปฏิบัติจริงเพื่อให้ “เกิดการรับรู้ที่ดี”
  3. เพื่อให้หน่วยงานนำผลการประเมินไปปรับปรุงแก้ไขขั้นตอนวิธีการปฏิบัติงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดโอกาส ลดความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดการทุจริตในหน่วยงาน
  4. เพื่อให้หน่วยงานให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลการบริหาร และการให้บริการ ตลอดจนข้อมูลที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยงาน อันจะสะท้อนความโปร่งใสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในสายตาของประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ

ความสำคัญของการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ หน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA)
สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกรทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ได้พัฒนาเครื่องมือการประเมินเชิงบวกเพื่อเป็นมาตรการ ป้องกันการทุจริต และเป็นกลไกในการสร้างความตระหนักให้หน่วยงานภาครัฐ มีการดำเนินงานอย่างโปร่งใสและมีคุณธรรม โดยใช้ชื่อว่า “การประเมิน คุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA)” ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารการจัดการภาค รัฐ โดยกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ผ่านการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐที่มี โครงสร้างและภารกิจที่เหมาะสมและวัฒนธรรมการทำงานที่มุ่งผลสัมฤทธิ์และ ผลประโยชน์ของส่วนรวม เปิดโอกาสให้ทุก ๆ ภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการ ดำเนินการบริการสาธารณะ ตรวจสอบการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐและ ภาคส่วนอื่น ๆ ตลอดจนดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในสังคมได้ อย่างเหมาะสม โดยได้เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา และครอบคลุมการประเมินหน่วยงานภาครัฐกว่า 8,300 หน่วยงาน โดยเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 มติที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชน และหน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (สปท.) ครั้งที่ 7/2563 ให้สำนักประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ร่วมกับกรมการ ปกครอง ขยายการประเมินคุณธรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ หน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ลงสู่อำเภอ 878 แห่ง ทั่วประเทศ อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เป็นต้น ไป
สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ขยายผลการประเมิน ITA ลงสู่ส่วนราชการ ระดับต่ำกว่ากรมหรือเทียบเท่าในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยได้ ขยายลงสู่สถานีตำรวจนครบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สืบเนื่องจาก ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบนโยบายผ่านที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับ เคลื่อนการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมใน การป้องกันและปราบปรามการทุจริต เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2563 โดยมอบหมายให้สำนักประเมินคุณธรรมและ ความโปร่งใส ศึกษาแนวทางและหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการ ขยายการประเมิน ITA ลงสู่สถานีตำรวจนครบาล เพื่อให้เกิดกลไกการมีส่วนร่วม และเกิดการป้องกันการทุจริตในเชิงพื้นที่ (Area) เขตกรุงเทพมหานคร อย่างเป็น รูปธรรมที่ชัดเจน คู่ขนานไปกับการขยายการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส่ ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ลงสู่ระดับสำนักงานเขต กรุงเทพมหานครที่สำนักประเมิน คุณธรรมและความโปร่งใสได้ดำเนินการไปแล้วในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ต่อ เนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเสริมสร้างการมีส่วนร่วม ในการป้องกันการทุจริต โดยเฉพาะในมิติของหน่วยงานในกระบวนการ ยุติธรรมและในอนาคตจะมีการขยายออกไปสู่ “สถานีตำรวจทั่วประเทศ” ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติใด เห็นชอบพร้อมให้ความร่วมมือและรับดำเนินการ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ โดยเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแสดงเจตนารมณ์การขับเคลื่อนการ ประเมิน ITA ลงสู่ “สถานีตำรวจนครบาล” ทั้ง 88 แห่ง และมีการขยายผลการ ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
แนวทางการขับเคลื่อนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการ ดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ระดับต่ำกว่ากรม (ได้แก่ สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร อำเภอ และสถานีตำรวจ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มุ่งเน้น การออกแบบและขับเคลื่อนการประเมินอย่างเป็นระบบ โดยการพัฒนาเครื่องมือ การประเมินผลที่สอดคล้องกับบริบทของการทำคนที่มีความเหมาะสมกับการ ปฏิบัติงานตามภารกิจของหน่วยงานภาครัฐ ระดับต่ำกว่ากรม ได้อย่างแท้จริงอัน จะส่งผลให้เกิดการรับรู้ถึงการดำเนินงานที่จะได้นำข้อมูลย้อนกลับ (feedback) มาพัฒนาการดาเนินงานของหน่วยงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้เกิดการพัฒนามาตรฐานในการประเมินและเกิดการ ขับเคลื่อนกลไกในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยผ่านกลไกการ ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ระดับต่ากว่ากรม ให้ดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งผลักดันดัชนี การรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ให้บรรลุวัตถุประสงค์ ตามค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สำนักงาน ป.ป.ช. จึงดำเนินการพัฒนาการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ระดับต่ำกว่ากรม (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ขึ้น โดยพัฒนาเครื่องมือการประเมินให้มี ประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบุรีบทภารกิจตามบทบาทของหน่วยงาน มีจุดมุ่ง หวังให้หน่วยงานภาครัฐ ระดับต่ำกว่ากรมนำเครื่องมือการประเมินที่ได้รับการ พัฒนาประสิทธิภาพนี้ ไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ใน การปฏิบัติงานด้านการให้บริการที่สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนอง ต่อประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานในฐานะเป็นหน่วยบริหารราชการส่วนภูมิภาคที่ให้บริการกับประชาชน ในเขตพื้นที่อย่า เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

       ประธานกรรมการ ป.ป.ช. มอบโยบายผ่านที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ให้สำนักประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ศึกษาแนวทางและหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการขยายการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ลงสู่ “สถานีตำรวจนครบาล” เพื่อให้เกิดกลไกการมีส่วนร่วมและเกิดการป้องกันการทุจริตในเชิงพื้นที่ (Area) เขตกรุงเทพมหานครอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน คู่ขนานไปกับการขยายการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ลงสู่ สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร ที่สำนักประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส่ได้ดำเนินการไปแล้ว ตั้งแต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริต โดยเฉพาะในมิติของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เห็นชอบ พร้อมให้ความร่วมมือและรับดำเนินการตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ
อำนาจหน้าที่และภารกิจของสถานีตำรวจ กล่าวคือ สถานีตำรวจ มีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับความผิดในคดีอาญาภายในเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือเขตพื้นที่การปกครอง รวมถึงการรับผิดชอบในด้านการงานและการปกครองบังคับบัญชาถัดรองลงไปจากกองบังคับการตำรวจนครบาล (1-9) หรือตำรวจภูธรจังหวัด เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความมั่นคงภายใน บริการทางสังคม ชุมชน และมวลชนสัมพันธ์ การพัฒนางานบริหารและงานจเรตำรวจ การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการรักษาความสงบเรียบร้อย รวมถึงงานกิจการพิเศษ และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานีตำรวจ ซึ่งงานในสถานีตำรวจ แบ่งออกเป็น 5 งาน ดังนี้
(1) งานอำนวยการ มีหน้าที่เกี่ยวกับการอำนวยการ การวางแผน การตรวจสอบติดตามและประเมินผลงานที่เกี่ยวกับนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนงานของสถานีตำรวจ งานการบริหารบุคลากร งานจเรตำรวจ งานกิจการพิเศษ งานความมั่นคง การศึกษา การฝึกอบรม งานวิชาการ สวัสดิการ การพัฒนา การบริหารจัดการ งบประมาณ การเงิน การพัสดุ การพลาธิการและสรรพาวุธ การส่งกำลังบำรุง รวมทั้งลักษณะงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือเป็นส่วนประกอบของงานดังกล่าว เพื่อส่งเสริมหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ
(2) งานป้องกันปราบปราม มีหน้าที่เกี่ยวกับการวางแผน อำนวยการ สั่งการ ควบคุม กำกับ ดูแลตรวจสอบติดตาม และประเมินผลตลอดจนปฏิบัติงานในด้านการป้องกันอาชญากรรมและรักษาความสงบเรียบร้อย งานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ งานชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง (รวมทั้งงานที่มีลักษณะเกี่ยวข้องหรือเป็นส่วนประกอบของงานนี้ เพื่อมิให้เกิดอาชญากรรมขึ้นในเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือพื้นที่ปกครองของสถานีตำรวจ)
(3) งานจราจร มีหน้าที่เกี่ยวกับการวางแผน อำนวยการ สั่งการ ควบคุม กำกับ ดูแล ตรวจสอบและประเมินผลงานด้านการควบคุมจราจร จัดการและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับจราจร งานจราจรตามโครงการพระราชดำริ รวมทั้งงานที่มีลักษณะเกี่ยวข้องหรือเป็นส่วนประกอบของงานนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการจราจรในเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือพื้นที่ปกครองของสถานีตำรวจ ตลอดจนพื้นที่ที่มีการจราจรต่อเนื่องกัน
(4) งานสืบสวน มีหน้าที่เกี่ยวกับการวางแผน อำนวยการ สั่งการ ควบคุม กำกับ ดูแล ตรวจสอบติดตาม และประเมินผล ตลอดจนปฏิบัติงานในด้านการสืบสวน อาชญากรรม การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติที่มีโทษทงอาญาทุกฉบับ ตลอดจนองค์กรหรือเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งงานที่มีลักษณะเกี่ยวข้องหรือเป็นส่วนประกอบของงานนี้ เพื่อมิให้เกิดอาชญากรรมขึ้นในเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือพื้นที่ปกครองของสถานีตำรวจ
(5) งานสอบสวน มีหน้าที่กี่ยวกับการวางแผน อำนวยการ สั่งการ ควบคุม กำกับดูแล ตรวจสอบติดตาม และประเมินผลด้านการสอบสวนคดีอาญา การมีความเห็น การให้ความเห็นชอบ หรือเป็นส่วนประกอบของงานนี้ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาให้บังเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในเขตอำนาจการรับผิดชอบหรือพื้นที่ปกครองของสถานีตำรวจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *